อุดรโปแตซ ประชุมร่วมกับ รพ.มะเร็งอุดรธานี เตรียมวางมาตรการด้านสุขภาพคนในพื้นที่

           วันที่ 23 มีนาคม 2560 นายวรวุฒิ หิรัญยไพศาลสกุล ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอเซียแปซิฟิค โปแตซคอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ดำเนินโครงการเหมืองแร่โพแทชจังหวัดอุดรธานี เข้าพบผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี เพื่อพูดคุยแนวทางการดำเนินกิจกรรมด้านสุขภาพของคนในชุมชน เตรียมความพร้อมก่อนเหมืองเปิด โดยมีนักวิชาการ และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเข้าร่วม ณ โรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี ตำบลหนองไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

            นายวรวุฒิ หิรัญยไพศาลสกุล กล่าวว่า นับเป็นโอกาสดีของจังหวัดอุดรธานี ที่มีโครงการเหมืองแร่โพแทชจังหวัดอุดรธานี เนื่องจาก เมื่อเหมืองเกิดขึ้น ผลประโยชน์ส่วนหนึ่งก็จะถูกจัดสรรแก่ทางจังหวัด สำหรับใช้ในการพัฒนา หรือจัดทำโครงการที่เป็นประโยชน์แก่จังหวัด นอกจากนี้ ทางโครงการได้จัดตั้งกองทุนต่างๆ ทั้งตามที่กฎหมายกำหนด และทางโครงการจัดสรรให้โดยสมัครใจ ซึ่งกองทุนต่างๆ เหล่านี้ก็จะครอบคลุมทั้งด้านการส่งเสริมประโยชน์ชุมชน การชดเชย และการติดตามตรวจสอบ โดยในส่วนของการติดตามตรวจสอบนี้ โรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี ก็จะเข้ามามีส่วนร่วม ในรูปแบบของการติดตามสุขภาพของคนในพื้นที่ ซึ่งโครงการได้มีการจัดตั้งกองทุนเฝ้าระวังสุขภาพ งบประมาณ 100 ล้านบาท ดังนั้น หน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ ก็จะมีบทบาทสำคัญ ในการสร้างความมั่นใจสุขภาพของคนในพื้นที่

            ด้านนายคทาวุธ แก้วมณีชัย หัวหน้าส่วนรัฐกิจสัมพันธ์ โครงการเหมืองแร่โพแทชจังหวัดอุดรธานี ได้กล่าวถึงความคืบหน้าของขั้นตอนการขออนุญาตประทานบัตร ซึ่งปัจจุบันเป็นขั้นตอนสุดท้ายนั่นคือ การพิจารณาออกใบอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งในระหว่างนี้ ทางทีมงานก็ได้ลงพื้นที่พบปะภาคส่วนต่างๆ ทั้ง ชาวบ้านในชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง โรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี ซึ่งนับเป็นหน่วยงานสำคัญ ที่มีฐานข้อมูลการเกิดโรคมะเร็งของคนในพื้นที่ โดยทางโครงการฯ จะขอนำข้อมูลเกี่ยวกับโรคมะเร็งของคนในพื้นที่จากโรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับเปรียบเทียบ ว่าเมื่อเหมืองเกิดขึ้นแล้ว สุขภาพของคนในชุมชนมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่

            ทั้งนี้ เมื่อโครงการเหมืองแร่โพแทชจังหวัดอุดรธานีเกิดขึ้น ทางด้านโรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี ก็จะเป็นหน่วยงานสำคัญ ซึ่งนอกจากมีฐานข้อมูลด้านสุขภาพของคนในพื้นที่แล้ว ก็ยังมีนักวิชาการสาธารณสุข ซึ่งทำงานเชิงรุกในด้านสุขภาพของคนในพื้นที่อยู่แล้ว ดังนั้น จะเป็นการร่วมกันของเจ้าหน้าที่ทางด้านสาธารณสุข เพื่อวางแนวทางการทำงานด้านสุขภาพคนในชุมชนต่อไปในอนาคต