หมู่ 11 บ้านนาทองคำ มั่นใจโปแตช ชุมชนพร้อมอยู่คู่กับเหมือง

นายคทาวุธ แก้วมณีชัย หัวหน้าส่วนรัฐกิจสัมพันธ์ โครงการเหมืองแร่โพแทช จ.อุดรธานี พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่หมู่ 11 บ้านนาทองคำ ต.หนองไผ่ อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อร่วมประชุมชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินโครงการฯ พร้อมรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้าน โดยมีนายสมชาย แก้ววิเศษ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 เป็นประธานเปิดการประชุม เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ที่ผ่านมา

นายคทาวุธ กล่าวว่า โครงการเหมืองแร่โพแทช จ.อุดรธานี เป็นการทำเหมืองแร่ใต้ดิน ตัวโรงงานตั้งอยู่ที่บ้านหนองตะไก้ ต.หนองไผ่ ซึ่งจะเป็นบริเวณที่มีการขุดอุโมงค์ใต้ดิน เส้นผ่านศูนย์กลาง 8 เมตร จำนวน 2 อุโมงค์ เพื่อใช้ในการระบายอากาศ และ ลำเลียงขนส่งแร่มายังโรงแต่งแร่บนดิน ส่วนหางแร่จะกองไว้เพื่อรอการถมกลับ โดยพื้นที่สำหรับเก็บกองหางแร่ จะปูด้วยวัสดุกันซึมอย่างหนา 2 ชั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกลือซึมลงในดิน หรือไหลออกนอกพื้นที่ เมื่อมีช่องว่างใต้ดินมากพอก็จะนำกองหางแร่นี้ ถมกลับในอุโมงค์ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบเรื่องการทรุดตัวของผิวดินได้เป็นอย่างดี

“เรื่องฝุ่นเกลือ จะเกิดเฉพาะตัวโรงงานเท่านั้น ทางโครงการฯ มีการออกแบบเครื่องดักจับฝุ่นไว้บริเวณหน้าโรงงาน เพื่อไม่ให้ฝุ่นกระจายออก ส่วนเรื่องน้ำเกลือที่เกิดจากการแยกแร่ ทางโครงการฯ จะมีการหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ ส่วนน้ำเกลือเข้มข้น จะนำไปใช้ในการกระบวนการถมกลับกองหางแร่ ทั้งนี้ โครงการฯ จะไม่มีการใช้น้ำจากแหล่งน้ำสาธารณะของชุมชน แต่จะขุดบ่อรองรับน้ำฝนจำนวน 5 บ่อ รวมพื้นที่ 302 ไร่ สำหรับใช้ในกระบวนการผลิต และจะไม่มีการปล่อยน้ำเสียออกมานอกโครงการฯ โดยเด็ดขาด” นายคทาวุธกล่าว

นายสมชาย แก้ววิเศษ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 ได้สอบถามเกี่ยวกับการสร้างหลักประกันด้านสุขภาพให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงโรงงานฯ ซึ่งทางตัวแทนบริษัทฯ ได้ตอบในที่ประชุมว่า โครงการฯ ได้จัดตั้งกองทุนเฝ้าระวังด้านสุขภาพ งบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชุมชน ว่าจะสามารถอยู่ร่วมกับเหมืองได้อย่างปลอดภัย

“ทางโครงการฯ จะขออนุญาตตรวจสุขภาพประชาชนในพื้นที่ทั้งในพื้นที่ประทานบัตร และพื้นที่รอบนอก รวม 40 หมู่บ้าน โดยจะตรวจตั้งแต่ 2 ปีแรกก่อนเหมืองเปิด และจะมีการตรวจสุขภาพทุกปี ตลอดช่วงระยะเวลาการทำเหมือง” นายคทาวุธกล่าว

นางสมหมาย เคหะนันท์ ผู้เข้าร่วมประชุม ได้สอบถามข้อสงสัย ในกรณีเกิดดินทรุดว่า ทางโครงการฯ จะดำเนินการอย่างไร ซึ่งทางตัวแทนโครงการฯ ได้ชี้แจงว่า ในการขุดแร่ จะไม่ได้ขุดแร่ขึ้นมาทั้งหมด แต่จะเหลือไว้ 40 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเป็นเสาค้ำยัน หน้ากว้าง 70 เมตร ยาวประมาณ 100 เมตร การขุดเจาะ จะใช้หัวขุดแบบรถไฟใต้ดิน ซึ่งตัวอุโมงค์ได้ออกแบบให้สามารถทนแรงจากแผ่นดินไหวได้ แม้ว่ากรมทรัพยากรธรณี จะทำการสำรวจแล้วว่า ภาคอีสานไม่ใช่พื้นที่เสี่ยงในการเกิดแผ่นดินไหวก็ตาม

ทั้งนี้ เมื่อโครงการฯ ได้รับอนุญาตประทานบัตร ประชาชนในพื้นที่ประทานบัตรและใกล้เคียง จะได้รับการพิจารณาเข้าร่วมงานก่อนเป็นลำดับแรก ซึ่งโครงการแรกที่จะดำเนินการ คือ การก่อสร้างกำแพงรอบโครงการฯ 1,681 ไร่ คิดเป็นระยะทาง 20 กิโลเมตร ซึ่งทางบริษัทฯ ได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจผู้สนใจงานรับเหมา หรือผู้ที่ต้องการเสนอขายวัตถุดิบในการก่อสร้าง เพื่อจะได้กระจายงานแก่ชุมชนได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรมต่อไป